วัดพุทธนิมิต หนึ่งพรรษา

หนึ่งพรรษา.....ร้อยก้าววัน
image001

เจริญร้อยตามคำสอนของ....พระพุทธเจ้า

พุทธธังสระนังคัสฉามิ......ข้าพเจ้าเคารพ บุชาพระพุธเจ้าด้วยความบริสุทธิใจ

ธัมมังสระนังคัสฉามิ........ข้าพเจ้าเคารพ นับถือศาสนาพุทธ ด้วยความรู้ ความนึกคิด สติปัญญา..ของข้าพเจ้าว่า... ถูกต้องทุกประการ

สังคังสระนังคัสฉามิ.......คำสอนของพระพุทธเจ้า....คือ...หนทาสู่ความสุข...ความเจริญ...และอิสระภาพ....ของมวลมนุษย์บนโลกใบนี้

               ความไม่รู้....ยิ่งทุกข์   ความเข้าใจผิด.....ยิ่งกังวล     ความโลภ.....ความโกรษ......ความหลง.....ความสับสน...ความอิจฉา

ความกลัว     เป็นส่วนหนึ่งของความไม่รู้      

               มารยามันคอยหลอกล่อเราในสิ่งที่อยู่ตรงข้าม.....มันมีสองหน้า   จงอยู่ตรงกลาง   อย่าให้ร่างกายอดยาก หรืออย่าสนอง

กิเลสตัณหาของมัน.........จงแนวแน่นอยู่ตรงกลาง     เมื่อเราตระหนักถึงความชั่วร้ายของมารยา....ความวิตกกังวลทั้งหมดก็จะหายไป

image002
เราก็จะพบแต่ความสุข....ความสบายใจ

 18

        บวชพระเพื่อทดแทนบุญคุณผู้ให้กำเนิด.......บวชพระเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอน......บวชพระเพื่อรู้รสของการดำรงค์ตนเป็นพระสงฆ์...

บวชพระเพื่อสงเสริมให้ศาสนาพุทธดำรงสืบต่อไป...ท้ายสุดที่บวชพระ.....เพราะคำสอนที่ว่า ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้

         “ชีวิตและความตายเหมือนกันทุกคน...ขณะมีชีวิตอยู่ตัวเราได้ทำคุณประโยชน์อะไรบ้างแก่วงศ์ตระกูลและแผ่นดินเกิด..อะไรบ้าง”

   เสียงนี้มันก้องอยู่ในใจของข้าพตลอดเวลา   คิดว่าเราจะทำอะไรดีก่อนตาย...ที่จะทำญาติพี่น้อง...คนใกล้ชิด...เพื่อนร่วมงาน...และตัวเรา

มีความสุข.....เพียงน้อยนิด....ยังดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย

1

“คือที่มา...ของหนึ่งพรรษา......ร้อยก้าววัน”

         “วัดไหน”...ที่ตัวเราจะเจริญรอยตามพุทธองค์ คือเจ้าชายสิทธัตถะ ออกจากวังไปสิ้นสุดที่แม่น้ำเนรัญชรา เพื่อทำตัดขาดจากความเป็นเจ้าชายด้วยการตัดเกศา...โดยตัวเอง..ปล่อยเกศาลอยไปตามแม่น้ำ...จากนั้นก็เดินทางเพียงลำพังคน...เพื่อแสวงหาหนทางดับทุกข์


ให้กับตัวเองต่อสู้กับกิเลสความต้องการของตนเอง......... 7 ปี ในการแสวงหาความจริงของชีวิต พระองค์ก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

image005

                            วัดพุทธนิมิต ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

         “วัดที่ตอบโจทย์”  ใจกำหนดไว้นั้น   ใช้เวลาค้นหายาวนานอย่างมาก   เพราะว่า........  

                         วัดนั้น......ควรอยู่ติดแม่น้ำใหญ่

                     วัดนั้น......ควรเป็นวัดป่า อยู่กันแบบพื้นบ้านมีความลำบากพอสมควร

                         วัดนั้น.....ควรมีชื่อสอดคล้องกับพระพุทธเจ้า

                         วัดนั้น.....ควรอยู่ไม่ไกล้จากถิ่นที่เกิด...เพื่อจะได้อุทิศส่วนกุศลให้กลับ พ่อ..แม่..ญาติพี่น้อง...ลุง..ป้า..พ่ออุ้ย..แม่อุ้ย


   เหมือนมีสิ่งดลใจให้กลับไปเที่ยวบ้านเกิดที่ จ.นครพนม 2วัน   ก่อนกลับสมุทรปราการ ลูกป้ามาชวนไปเที่ยวที่ อ.ท่าอุเทน

 

2
พระใหญ่...อยู่ริมแม่น้ำโขง                                             มีเอกลักษณ์ที่สวยงาม

3

อยู่ติดแม่น้ำ ....โขง                                                               เดิมที่ของวัดคือป่าช้า

 

                 หลังเดินเที่ยวที่ตลาดท่าอุเทน ญาติก็ชวนไปเที่ยววัด...ว่ามีวัดหนึ่งติดแม่น้ำโขง เป็นวัดสวยงามมากเป็นวัดคล้ายๆวัดทาง    

         ภาคเหนือ ด้วยใจที่ชอบท่องเที่ยง ดูสิ่งแปลกๆตา   ก็ตอบตกลงเพราะยังมีเวลา ใช้เวลาเดินทางจากตัวอำเภอท่าอุเทนประมาณ

     30นาที ก็ถึง วัดพุทธนิมิต

                       เป็นวัดที่เงียบ สงบ อยู่แบบชาวบ้าน อยู่ง่ายๆ มีนกยุง มีกระรอก ให้พักสายตา บรรยากาศสดชื้น ตรงกับวัดที่คิด......

       แต่ตัวเราจะมีวาสนา.....เจริญรอยตามพุทธองค์หรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะอายุของเราก็มากแล้ว ความสามารถในการ

     จดจำบทสวดมีน้อยมาก ค่าใช้จ่ายในการบวช การเดินทาง การอยู่การกิน อาหารที่ต่างไปจากที่เคยเป็นไปอยู่ในถิ่นที่ไม่รู้จักใครเลย

     ครอบครั่วเราใครจะดูแล เพราะลูกๆยังไม่พร้อมรับผิดชอบ ดูแล้วความหวังที่จะได้บวชมันช่างมึดมลเหลือเกิน  

             มันช่างเป็นสิ่งที่งดงาม มีความสุข สบายใจเหลือเกิน ทุกครั้งที่คิด ถ้าตัวเรามีวาสนาได้บวชในวัดนี้   หลังจากกลับจากนครพนม

4
   มาอยู่ที่สมุทรปราการ

            

                 ช่วงปลายปี พ.ศ. 2564ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมคุณแม่ พี่น้องที่ อ. บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามปกติขอคนอิสาน ถึงเวลาสิ้นปีต้อง     กลับไปกราบไหว้ผู้ให้กำเนิด กินข้าวปลา เฮฮา พี่ๆ น้อง ๆ คิดถึงภาพเก่าในช่วงวัยเด็ก อันแสนอบอุ่นของตระกูลเรา

         วันที่ 31ธันวาคม ได้ไปกินข้าวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทีบ้านน้อง ห่างจากบ้านพี่ชายประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมรับคุณแม่

ไปด้วย เพราะท่านจะมีเสียงหัวเราะ เสียงบ่น และเล่าเรื่องอดีตของพวกเราให้ฟัง มันเป็นความสุขที่สุดๆชีวิตที่หามิได้ หลังกินข้าวฉลองส่งท้ายปีเก่าเสร็จสิ้น ประมาณ 20.30น. ก็พาคุณแม่กลับมาพักผ่อนที่บ้านเข้านอนตามปกติของคุณแม่ไม่มีอะไรเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ก่อนนอนท่านยังสวดมนต์ตามปกติ ผมก็ได้ถ่าย VDOขณะที่คุณแม่สวดมนต์เก็บไว้ดู...เวลาที่คิดถึงท่าน

                 และแล้ว “ความสูญครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถเรียกร้องกลับมาแก้ไขได้ สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว”

   ในรุ่งเช้าปีใหม่ 1มกราคม 2565ผมก็ตื่นเช้าปกติ ช่วยพี่ชาย ทำงานเหมือนช่วงวัยเด็ก ทำความสะอาดบ้าน ให้อาหารไก่ ทำอาหารเช้าเพื่อจะรับประทานขณะนั้นเวลาประมาณ 8.30น. พี่แดง (พี่ชายคนโต) มองไม่เห็นคุณแม่ออกมาเดินไล่ไก่ ไล่หมา เสียงเรียกของคุณแม่เรียกหาผม ถ้าท่านมองไม่เห็นผม...เพื่อให้พาเดินไปรอบๆบ้าน  พี่คงแปลงใจจึงเรียกผมให้ไปปลุกคุณแม่ที่ห้องนอน

               ผมเดินไปที่ห้องคุณแม่ เห็นผ้าห่มคลุมตัวคุณแม่แค่ครึ่งตัว นอนตระแคงข้างขวา ผมก็ขยับผ้าห่มคลุมตัวท่านเพราะกลัวคุณแม่จะหนาว แล้วเขย่าตัวคุณแม่เพื่อปลุกท่านออกมาเดิน..ผมต้องสดุ้งสุดตัวพร้อมอาการตกใจอย่างมากเพราะตัวคุณแม่แข้ง จับชีพจรไม่เต้น จับมือเย็นจับลำแขนก็เย็น   ผมตกใจสุดขีดตระโกนเรียกพี่แดงให้มาดูคุณแม่ “พี่แดง.แม่ตายแล้ว ...พี่แดง.แม่ตายแล้ว”

               เสียงเรียกพี่ให้มาดูคุณแม่ดังมาก ทำให้ทุกคนในบ้านทิ้งงานที่ทำอยู่มาดูคุณแม่ด้วยความตกใจ...เพราะคิดไม่ถึงจริงๆๆค่ำคืนทีผ่านมายังนั่งเกินข้าว เล่าเรื่องอดีตที่ผ่านมาช่วงสมัยในวัยเด็กให้ลูกๆฟัง....รุ่งอรุณวันใหม่ท่านก็มาจากไป ลูกๆทุกคนอยู่ในอาการตกใจ เสียใจ

คาดไม่ถึงกับเหตุที่เกิดขึ้น เสาหลักอันเป็นที่ยึดเนี่ยวจิตใจของลูกหลานเสาสุดท้ายได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอายุไข 86 ปี

5.jpg

           หลังจากสงบจิตสงบใจได้ ลูกๆ หลาน ญาติพี่น้องทุกคน ก็ช่วยกันส่งท่านขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ทำหน้าที่ลูกครั้งสุดท้ายให้ดีที่สุด  

 

                                       ในส่วนตัวของผม ได้คิดถึงคำสอนของ “พุทธองค์”   ที่ว่า

              “ทุกคนเกิดที่มาล้วนแต่ต้องตาย นี้คือ กฎของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเด็ก หรือคนแก่ ไม่ว่ามีความรู้ไม่มีความรู้ โง่เขล่า   ร่ำรวย ยากจน

มีชื่อเสียงดังก้องฟ้า ไม่มีชื่อเสียง ทุกคนต้องพบความตาย”

           พระจันทร์เผยความจริงทุกค่ำคืนบนท้องฟ้า มันผุดขึ้นและสว่างไสว ในคืนพระจันทร์เต็มดวงมันจะกลมมลสวยงาม ในคืน

ข้างแรมมันก็จะหายไป แต่มันไม่ได้หายไปไหน มันแค่ซ่อนตัวเท่านั้น คุณแม่ของเราก็ไม่ได้หายไปไหน ยังมีชีวิตอยู่ในหัวใจของพวกเรา

ทั้งรอยยิ้มและท่าทางการแสดงออก พระพุทธองค์ยังกล่าวว่า “ทุกครั้งที่มีการเกิด ย่อมมีความทุกข์กับมนุษย์เป็นเงาตามตัว เหตุผลของความทุกข์ คือการยึดติดกับ ตัวบุคคล สิ่งของ วัตถุต่างๆ ทั้งที่ทุกคนรู้ว่าดีว่ามันไม่จีรัง” เราต้องปลุกสติขึ้นมา จึงจะได้รับอิสรภาพ สิ่งที่เกิดขึ้น

กับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ จงตั้งมั้นอยู่ทางสายกลาง บนเส้นทางนี้ความทุกข์จะมลายหายไป แล้วพวกเราจะพบ

ความจริงอันสุงสุด เมือสติของพวกเราได้ตื่นแล้ว พวกเจ้าก็จะรู้ว่าการเกิดและการตาย การอยู่ร่วมและการพลัดพรากเป็นสิ่งเดียวกัน

             ส่วนตัวผม.คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะอายุ ก็ 63ปีเข้าไปแล้ว มีโรคประจำตัวที่รักษาให้หายยากมากคือลิ้นหัวใจด้านล่างซ้าย

รั่ว และกระดุกหัวเข่าไม่ค่อยดีนั่งกับพื้นนานๆจะปวดเข่าอย่างมากจากนั้นก็จะลามมาที่สันหลัง

                  จิตสำนึกเตือนตัวผมตลอดเวลา......สักวันหนึ่ง ร่างกายของเราคงดับสูญตามกฎของธรรมชาติตามที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้.

   ก่อนที่จะถึงวันนั้น ในขณะที่ร่างกายและจิตใจสมบูรณ์ช่วยเหลือตัวเองได้  ขอได้ทำบุญส่งบุญให้คุณพ่อ คุณแม่ ลุงป้า น้าอา ญาติพี่น้อง    และสะสมบุญให้ตัวเองก่อนตัวเราจะตาย และได้กล่าวกับตัวเองทุกครั้งที่อยู่คนเดียว เราจะต้องทำบุญใหญ่ให้ได้ ต้องทำให้ได้มันก้องอยู่ในจิตใจตลอดเวลาไม่ต้องทำใหญ่โต ทำแล้วจิตใจสบาย ไม่ทำความเดือดร้อน ขอเพียงให้ถูกต้องตามประเพณี และแล้วสิ่งที่ตั้งใจก็บังเกิดขึ้น

ผมได้บวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์ เกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดที่ได้เจริญรอยตามพุทธองค์  

 6

             เนื่องจากวัดพุทธนิมิตรที่ผมจะบวชจำพรรษาไม่มีพระอุประชา และพระที่มีเพียง 2 รูป ไม่ครบองค์ ญาติพี่น้องได้แนะนำให้มาบวช

ที่วัดบ้านปากทวย โดยเชิญหลวงพ่อทรัพย์มาเป็นพระอุปะชา

           วันที่ 2กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 9.30น ผมได้เข้าพิธีบวชเป็นพระภิกษุก ที่วัดบ้านเกิดคือวัดที่บ้านปากทวย อ.ท่าอุเทน

จ.นครพนม ในงานบวชมีญาติ พี่น้องลุง ป้า น่า อา มารับรู้ในการบวชประมาณ 25คน ผมจำวัดที่วัดผมบวช 2วัน ก็ย้ายมาวัดที่

วัดพุทธนิมิต บ้านหนองเทา ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นคนพนม   ตามจิตปรารถนา

7

                     เส้นผมที่โกนในวันบวช   นำมาลอยที่แม่น้ำโขง อธิฐานขอให้จิตขอข้าพเจ้าพบแต่ความสุข ความสบายใจ

       เริ่มต้นของชีวิตอีกครั้ง หรือจะเรียกว่าข้าพได้เกิดใหม่อีกครั้งในพุทธศาสนา เจริญรอยตามคำสอน เส้นทางพุทธองค์

   ศาสนาพุทธ คือ   ตะเกียงส่องสว่างให้แก่ชีวิตที่มืดมลทุกๆคน

ศาสนาพุทธ คือ สัญญาลักษณ์ของความสมดุลของธรรมชาติ ระหว่าง มืด-สว่าง รวย-จน หนัก-เบา ความงามและความน่าเกียจ

ศาสนาพุทธ คือ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติในร่างกายของมนุษย์ กาย และ จิตใจ

ศาสนาพุทธ คือ เส้นทางสู่อิสรภาพ ความสุข ความเจริญ ของมวลมนุษย์ ทุกคนไม่มีข้อยกเว้น ทุกชาติ ทุกศาสนาถ้าปฏิบัติตาม

                         คำสอนพุทธองค์ เส้นทางนั้น คือ มรรค 8

           คนที่นอนไม่หลับ ........... กลางคืนช่างยาวนาน

             คนที่เหนือย       ...........   จุดหมายช่างไกล แสนไกล

             คนที่ใช้ชีวิตอย่างมืดบอด ไม่เข้าใจความดีงาม อยู่ใกล้คนที่ไม่ตั้งใจใช้ชีวิต .......... ชีวิตจะมีแต่ความทุกข์

             คนที่ไม่ยอมตื่นหลับใหลตลอดเวลา ...... มีความเป็นไปได้ว่าตัวเขาจะนำพาตัวเขาและครอบครั่วเขาให้สู่งส่งได้

                                                                 แต่ในขณะเดียวกันตัวเขาก็จะนำพาครอบครั่วสู่ความพินาศ  หายนะได้เช่นกัน  

        คนไม่รู้ ............ ยิ่งทุกข์

         คนเข้าที่ใจผิด ............ ยิ่งกังวล

      คนที่หลงภาพมารยา ........... ยิ่งทุกข์ทรมาน จนวันตาย

8


      คนที่อยู่กับปัจจุบัน ทำกรรมดี   มีปัญญาแยกแยะกรรมที่เกิดจากการกระทำ ...........จะพบแต่ความสุขความเจริญ ทุกๆชาติ

               เจ้าจงทำแต่กรรมดี   ด้วยการ คิดดี ทำดี ปฏิบัติดี     นี้คือหนทางแก้กรรมสู่ความสุขความเจริญ ของมวลมนุษย์ ทุกคน

       ไม่ต้องไปแสวงหาหาสิ่งศักดิ์สิทธิที่ไหน มาช่วยแก้กรรมที่ตัวเราเป็นคนกระทำ จงแก้ที่ตัวเรา   นี้คือคำสอนพุทธองค์

วัดพุทธนิมิตที่อาตมาบวชมีพระจำพรรษาด้วยกัน 4 รูป

9

ร่วมด้วย พระอาจารย์   อรุณ ,   พระอาจารย์สงัด , หลวงพี่ ต่อ     และอาตมา

10

อาศม ที่อาตมาจำพรรษา สงบ เงียบ   ทุกสิ่งที่อยู่รอบๆๆ ตัวคือเพื่อน ที่แสนดี ทำให้ไม่เหงา

 11

               ธรรมชาติรอบๆวัดก็ช่างสวยงาม อาศยามเช้าสดใส ช่างเป็นวาสนาจริงที่แรงบันดาลใจ ดลใจให้ได้มาบวชที่วัดในฝัน

ทุกอย่างล้วนมีสองหน้า มีสุขก็ย่อมมีทุกข์ วันแรกที่มาจำวัดหลังคากุฎิที่พักรั่ว ไฟฟ้าห้องน้ำไม่มี หลังคาห้องน้ำพัง รอบกุฎิที่พักมีแต่ต้นหญ้า

ใบไม้ ต้องปรับปรุงแก้ไขด้วยตัวเองทั้งหมด เมื่อความทุกข์หมดความสุขย่อมตามมาเป็นกฎของธรรมชาติ

             กิจวัตรของพระใหม่ที่ต้องทำ ช่วงเวลาเข้าพรรษา

                          4.00 น.   ตื่นนอน เก็บที่นอน ทำกิจส่วนตัว ท่องบทสวด ทำสมาธิ    

                            5.00 น. อาบน้ำ ครองผ้า    

                           5.30 น. ทำความสะอาดศาลา   ปูอาสนะ สำหรับพระ 4 รูป

                           5.50 น. ออกบิณธบาตร ในหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ   2.5 กิโลเมตร

                           7.00 น. ฉันอาหารเช้า ล้างทำความสะอาดบาตร ทำกิจของสงฆ์

                           11.30 น. ฉันอาหารเพล   (อยู่ที่ญาติโยมนำมาถวาย)

                     15.30 น. ทำความสะอาด เก็บกวดใบไม้ ถนนรอบๆ บริเวณวัด ลานวัด จุดชมวิวหน้าพระใหญ่ติดแม่น้ำโขง

                           17.00 น. พักผ่อน อาบน้ำ เตรียมตัวทำวัด                                

                     18.00 น.ทำวัด สวดมนต์

                           20.00 น. สิ้นสุดการทำวัด กลับอาศม ทำกิจส่วนตัว ท่องบทสวด ทำสมาธิ

         มันเป็นช่วงเวลาขอความสุขในแต่ละวัน มีเวลาพจารณาตัวเอง คนรอบข้าง ความนึกคิด กระการทำของแต่และคน มันคือบทเรียน

12
สถานที่ทำกิจสงฆ์   (โบสถ์)

 13


         โบสถ์ วัดพุทธนิมิต ถือได้ว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงานแห่งหนึ่งของจังหวัดนครพนมจะไม่ว่าดูภายนอก ภายในช่างสวยงาม   เป็นสถานที่ท่องเทียวที่มีชื่อของอำเภอท่าอุเทน กลมกลืนกับพระใหญ่ที่ติดกับแม่น้ำโขง

 14

 พื้นที่บริเวณภายในวัด สงบ ร่มเย็น มีธรรมชาติที่งดงาม หาดูได้ยากมากสำหรับวัดที่อยู่ในชุมชน การเดินทางสะดวก

15
มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความสวยงานของวัด ทุกวัน.......วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ จะมีมากเป็นพิเศษ

 16

             ทุกครั้ง...เวลาเดินดูความสวยงามของธรรมชาติรอบๆบริเวณวัด   จิตส่วนลึกได้คิดถึงคำสอน ” พุทธองค์”ที่กล่าวว่า

   ความงาม ความน่าเกลียด ใจเราสร้างสองสิ่งนี้ขึ้นมา สิ่งนั้นเกิดจากธาตุ 4 และขันต์ 5 เหมือนจักรวาลนี้ถูกสร้างขึ้น ถ้าเรามองมันด้วยสายตาของศิลปินแล้ว ทุกสิ่งอาจดูสวยงามหรือทุกสิ่งอาจดูหน้าเกลียดก็ได้ ก้อนเมฆ สายลม สายน้ำ ภูเขา หรือแสงแดด ไม้งามในฤดูใบไม้ร่วง ป่าไผ่ที่น่าหลงใหล ทุกอย่างในธรรมชาติล้วนสวยงาม   แต่ว่าไม่มีความงามใด เอาชนะใจชายได้ เท่าความงามของสตรี

       หากชายใดหลงใหลในความงามของสตรีนั้น เขาย่อมออกนอกลู่นอกทาง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความงามนั้นมาครอบครอง

   หากเจ้าลงลึกลงไปในจิตรสำนึกแล้ว สิ่งที่เจ้าได้เห็นภายนอกว่าสวยงามนั้น มันจะไม่สามารถดึงดูดเจ้าได้อีก

   มันจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้เลย

                     ความงามคือ นิรันดร์ มันจะไม่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ หัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยเมตตา ไม่เคยผูกมัดกับสิ่งใด หัวใจที่มีความสงบ

17
และมีความสุข คือความจริงอันนิรันดร์ แค่ฝึกฝนประตูบานนี้เปิดต้อนรับทุกๆคน ขอเพียงแค่เจ้าเก้าเท้าแรกออกมา

                     พวกเจ้าจงจำไว้ว่า “การแบ่งแยกผู้คนสองคน หรือแบ่งผู้คนออกเป็นกลุ่ม เท่ากับการกล่าวร้ายพระผู้สร้าง “

        แม้นเจ้าจะโยนสิ่งสกปรกขึ้นท้องฟ้า ฟ้าก็ไม่ต่ำลงมา แต่สิ่งสกปรกนั้นจะย้อยกลับมาหาตัวเราเอง ฟ้าไม่ได้แบ่งแยกมันคุ้มหัวเรา

       ทุกคนเหมือนเป็นบิดาของทุกคน แผ่นดินนี้ผลิตอาหาร มันไม่แบ่งแยกเราเช่นกัน สายลมพัดความเย็นให้เราเท่าเทียมกัน ส่วนน้ำแก้

       กระหายให้กับเราทุกคน ในเมือธรรมชาติไม่แบ่งแยกใคร   แล้วมนุษย์จะแบ่งแยกกันไปทำไม

                  ทุกคนที่เกิดมาล้วนแต่ต้องตาย นี้คือกฎของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ คนชลา ไม่ว่ามีความรู้ หรือโง่เขล่า ร่ำรวย

  หรือยากจน ทุกคนต้องพบความตาย สิ่งสำคัญที่สุดในการเกิด คือ จงทำกรรมดี   และแสวงหาปัญญาวิชาความรู้ให้กับตัวเอง

     ชีวิตคน.. คนหนึ่งจะอยู่ได้  ด้วยการปกป้องชีวิต   ด้วยการรักษาชีวิต   และเมตตาชีวิต  

                   คนที่ไม่รักษากรรมดี มีกริยาไม่ดี วาจาไม่ดี คิดไม่ดี มันจะร้อนแรง หากเรายิ่งเติมเชื้อพื้น ความโกรษ ความกังวล ความโลภ

  ความกลัว มันจะร้อนแรงมากยิ่งขึ้น หากเรายิ่งโหมกระหน่ำเชื้อพื้นใส่มัน ไฟแห่งความเกลียดชังยังอยู่ ไฟแห่งความละโมบยังอยู่

หากเรายังยึดติดกับเรื่องทางโลก หากเราจดจ่อกับการได้มาซึ้งวัตถุ ยิ่งได้มามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งวุ่นวายมากเท่านั้น เขาจะไม่มีวันพอ

 เขาจะอยู่กับความวาดกลัว หากเราตัดความมั่งมีออกเสียละ หากเราตัดสิ่งกีดขวางออกไปได้ละ เราก็จะไม่ต้องกลัวอนาคตหรือ

จมปลักอยู่กับอดีต เราจะเป็นคนมั่นคง เราจะอยู่กับแต่ละช่วงของชีวิต เราจะตั้งตนอยู่ที่จุดศูนย์กลางไม่เอนไปซ้าย ขวา เราจะมีแต่ความสุข

   เราจะไม่อยากได้อยากมี เราจะได้รับแต่ความสุขจากโลกใบนี้

18
คำสอนของพุทธองค์ ช่างเป็นอำมตะวาจา แม้นจะล่วงเลยมาแล้ว 2565ปี

  19

                     การทำบุญ ทำทาน สืบสานประเพณีอันงดงาม ของชาวบ้านหนองเทาที่อาตมาได้สัมผัสมา ช่างอบอุ่น ให้ความเคารพ

   นับถือพระสงฆ์ ใส่บาตร ทำบุญ เหมือนญาติพี่น้อง เจ็บไขได้ป่วยดูแลเป็นห่วงเป็นไยสอบถามอาการตลอดเวลา ทำให้การพระบวช

   ของอาตมา เอมอิ่มไปด้วยรสพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ชุดจีวรที่พระองค์ให้พระสงฆ์ครองนั้น ช่างมีมนต์ขังจริงๆ

                 ทุกวันที่อาตมาบิณฆบาตร อุ้มบาตรเดินรอบหมู่บ้านทุกวัน ก็อดคิดถึงคำสอนของพุทธองค์ทุกครั้งที่เดินบิณฆบาตร

   “กิจวัตรของสงฆ์” ที่ต้องทำทุกวันคือการออกบิณฑบาต ออกไปรับทานจากชาวบ้านเป็นการฝึกจิตรวิญญาณ สอนให้เรารู้จักรถ่อมตน

และใจเย็น พระสงฆ์ย่อมไม่แบ่งแยก รวยหรือจน ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน บาตรที่อุ้มเดินรับทานเสมือนกับโลกที่เราอาศัย พระสงฆ์มีหน้าที่

ยกจิตใจชาวบ้านที่ให้ทานสูงขึ้นเหมือนกับบาตรที่อุ้ม เมื่อได้รับความรู้ความจริงอันสูงสุดและหนทางการไถ่บาป ชาวบ้านที่ให้ทานนั้น(ใส่บาตร) ความสามารถของเขาและจิตรวิญญาณเขาจะสู่งขึ้นการให้ทานคือการที่จะหยุดทำบาป เมื่อใดที่ชาวบ้านรู้สึกว่าทำบาปลงไป พวกเขาก็ย่างเข้าสู่หนทางการไถ่บาป รอยยิ้มคำถักทายยามเช้าของชาวบ้านที่ใส่บาตร ช่างอบอุ่น เหมือนดอกไม้บานรับแสงแดดรุ่งอรุณ

       กิจวัตรที่พระองค์ท่ากำหนดไว้......สุดแสนงดงามจริง

 20

               ยามเย็นหลังจาก ทำความสะอาด กวดลานวัด   กวดถนนรอบวัด กวดหน้าลานพระใหญ่ริมแม่น้ำโขง อันเป็นกิจของที่สงฆ์

     จะต้องทำทุกวัน เพื่อทดแทนบุญคุณสถานที่ ที่ให้อาศัย ให้อาหาร ให้ความอบอุ่น ก็เดินพักผ่อนรอบๆวัด   หลังวัดจะมีแปลง

     นาปลุกข้าวของชาวบ้าน แสงแดดยามเย็นสาดส่องกระทบแปลงนาช่างงดงาม ทำให้อดคิดถึงคำสอนพุทธองค์ที่ทรงสอนชาวนา

     ในสมัยพุทธกาลไม่ได้

                   “ข้าก็เป็นชาวนาเหมือนกับพวกเจ้านั้นแหละ   ข้าว่านข้าว ไถ่นา และกินผลจากการว่านไถ่นั้น”

                                   ชีวิตของข้า ก็คือ แปลงนา

                           ข้า..ไถ่และว่าน หล่อเลียงมันด้วยมันด้วย สมาธิและบำเพ็ญตบะ

                           ผลผลิตที่ข้าได้คือความจริงอันสุงสุด และข้าก็แจกจ่ายให้กับมนุษย์ทุกๆๆคน

                     คนที่รับไปนั้น จะเป็นอิสระจากความทุกข์ พบความสุข เขาจะได้รับความจริงแท้ เขาจะบรรลุนิพาน  

           กิเลส   ความริษยา ความโกรษ   ความหลง ความโลภทั้งหลายนั้น ข้าพาคนออกมาจากพวกมันได้ สิ่งเหล่านี้คือเปลวไฟ

           ที่เผาชีวิตพวกเจ้า มีหลายต่อหลายคนทืต้องตายในเปลวนั้น

                     คนใดก็ตามที่ฟังพระองค์แนะนำด้วยสติ ใครก็ตามที่เดินตามพระองค์   พระองค์จะพาคนๆนั้นออกมาจากเปลวไฟนั้นอย่าง  

         ปลอดภัย   สู่เส้นทางแห่งการไถ่บาป อย่างมีสติ พบความสุข ความเจริญ

 21

พระองค์ยังได้ทรงทำนายอนาคตของโลกใบนี้ว่า

           ในภายภาคหน้า จะเกิดวิกฤตใหญ่หลวงยิ่งนัก

                   จะเกิดเรื่องบาดหมาง   ระหว่าง พ่อกับ ลูก

                         พี่-น้อง   จะกลายเป็นศัตรู

                         สามีและภรรยา จะแตกแยก

                         บ้านทุกหลังจะลุกเป็นไฟ และมันจะลุกลามไปทั่วทั่งแผ่นดิน

                         จะเกิดสงครามระหว่างมนุษย์ที่ต่างชนชั้น ต่างภาษา และต่างศาสนา

                 รากเหง่าของปัญหาคือ ความตระหนักรู้ และความเชื่อ ทีทำให้มนุษย์นั้นอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ โดยไม่มีกรรมดีและปัญญา

      มาปกป้อง มีความรักด้วยการแบ่งแยก พวกกู ของกู

               ความคิด.....สร้างภาพลวงตาในสมาธิ

             ปัญญา.... แยกความจริงระหว่างเป้าหมายและสิ่งอื่น มันอยู่ในตัวของทุกคน และมันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในชีวิต

            ความเชื่อ.....คือเส้นแบ่งระหว่าง ความสำเร็จ ความล้มเหลว ความแตกแยก

             พระองค์ทรงทรงแนะนำว่า...... “สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดในโลกใบนี้ถ้าทุกคนเดินตามพระองค์ ด้วยการทำแต่กรรมดี และมีปัญญา

       “มรรคแปด” ที่พระองค์ตรัสรู้ มันคือเส้นทางแห่งความสุข ความเจริญ และอิสระภาพ ของมวลมนุษย์”

                 สิ่งพระองค์ค้นพบ..... พระองค์ยังทรงแนะนำว่า

         “ความรู้ใดก็ตาม แม้นได้อ่านจากตำรา หรือผู้มีปัญญาสั่งสอนแนะนำ หรือสิ่งที่พระองค์ทรงพูดให้ฟังก็ตาม จงอย่าเชื่ออะไร

       โดยง่ายและอย่าโต้แย้ง จนกว่าจได้ทดสอบด้วยความรู้ ความสามารถของตนเอง ปัญญาของตนเองเสียก่อน จงใช้ชีวิตอย่างอิสระ

       อย่าได้ยึดติดกับผู้ใด”

    22

              การดำรงชีวิตแบบพระสงฆ์ ยึดเอาคำสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้ามาปฎิบัติธรรม... ชาวบ้าน ญาติพี่น้อง

       ที่มาร่วมทำบุญมากมาย   ทุกคนที่มาต่างพกพาความสุข รอยยิ้ม มาแบ่งบันกัน ต่างถามไถ่อาตมามีอะไรขาดบ้างจะได้จัดหามาให้

     เพราะอาตมาเป็นพระมาจากต่างถิ่น เป็นความสุขที่บรรยายไม่ถูก ต้องมารับรู้ สัมผัส ปฎิบัติธรรม ด้วยจิตใจที่ปล่อยวาง ไม่ยึดติด

     กับรูปแบบ อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด อดีตคือบทเรียนที่ผ่านมากลับไปแก้ไขไม่ได้ อนาคตยังมาไม่ถึงก็อย่าไปวิตกกังวล

                 พระพุทธองค์ยังกล่าวไว้ว่า “มนุษย์ที่โหดร้าย เพราะความไม่รู้ ความเกลียดชัง ความริษยา ความยึดติด และความรัก

     ทั้งหมดมาจากความไม่รู้ .........  

23
           แต่ความรัก ความเมตตา ความเข้าใจ และความอ่อนน้อมมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน...จงนำมันออกมาใช้เพื่อความสงบสุข”

                       ครอบครัวที่ จังหวัดสมุทรปราการ ลูกชายและภรรยา ก็เดินทางมาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย

24

            ประเพณี ความเชื่อของคนอิสาน เป็นสิ่งที่งดงาม มีการตบแต่งพุ่มพานดอกไม้ ของสักการะ ผัก ผลไม้ คนเฒ่า คนแก่

     พ่อ แม่ ลูกหลาน ต่างออกมาด้วยความเคารพ พร้อมเพียง มีขวดน้ำ แก้วน้ำ มาส่งบุญกุศลให้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ทุกคนที่มา

     มีแต่รอยยิ้ม เสียงหัวเหราะ ออกแรงคนละไม้ละเมือ ร่วมแรงร่วมใจกัน งานประเพณีที่จัดขึ้นเป็นการร่วมพลังของชาวบ้าน

     ความรัก ความสามัคคี เป็นสิ่งที่ควรเก็บไว้สืบต่อไปในภายภาคหน้า

                 ในใจของอาตมา   ถ้ามีการเสริม...คำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ชาวบ้านเข้าใจยิ่งขึ้นจะดีมาก คำสอนที่ว่าคือ

       “ พิธีบวงสวงบูชานั้น บูชาธรรมชาติ บูชาสิ่งต่างๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎธรรมชาติได้   น้ำมันเนยจะจมใต้น้ำหรือเปล่าหากเรา

   ทำพิธีกรรมนี้   ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆนั้นก้อนกรวดจะลอยขึ้นมาจากพื้นน้ำได้หรือไม่ คนเราทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้

    ก็คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หากบรรพบุรุตของเรา หรือตัวเราทำบาปหรือทำสิ่งไม่ดีไว้เมือตอนมีชีวิตอยู่   พวกเขาจะต้องจมน้ำ

   เหมือนก้อนกรวด และหากพวกเขาทำแต่กรรมดี พวกเขาก็จะลอยตามน้ำไปเหมือนพวกน้ำมันเนย มีแต่กรรมดีเท่านั้น

   สู่ประตูแห่งการหลุดพ้น

                 ท่านเชื่อว่า ความทุกข์คือความจริงไหม

             ท่านเชื่อว่า มีเหตุผลเบื้องหลังความทุกข์ไหม

                 ถ้ามีเหตุแห่งความทุกข์ ความทุกข์ก็ยังคงอยู่.......แต่ถ้าเหตุแห่งทุกข์หมดไปละก็ ความทุกข์ก็หมดไปด้วย

                                             “เหมือนกับความมืด.....ที่หายไปพร้อมแสงสว่าง “

25

                                                 พระพุทธเจ้า พระองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

                 “ชีวิตมีความสุขมีความเจริญได้ต้องมีสติ ควบคุมกรรมของเรา คิดในสิ่งที่ดี   ทำในสิ่งที่ดี มีกริยาการประพฤติที่ดี “

             ศัตรูที่ร้ายแรงที่สุดของชีวิต      คือ ใจของเรา

             ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด       คือ การทะนงตน

             ปัญญาอ่อนที่สุด                   คือ การโกหก

             หยั่งรู้ยากที่สุด                        คือ   ใจคน

             น่าเศร้าที่สุด                          คือ ความริษยา

             ไร้ค่ามากที่สุด                       คือ ไม่ทำความดี

             กุศโลบายที่ดีทีสุด                 คือ ความซื่อสัตย์

             ประมาทมากที่สุด                 คือ คบคนชั่ว

             น่าสงสารมากที่สุด               คือ ดูถูกตัวเอง

             น่านับถือยกย่องมากที่สุด       คือ ความมานะพากเพียน

             ล้มละลายที่หนักที่สุด           คือ   สิ้นหวัง

             ความร่ำรวยมากที่สุดของชีวิต คือ   สุขภาพแข้งแรง

             ความยากจนที่ของชีวิต           คือ   ไม่รู้จักพอ

  

              ความรักที่มากที่สุด             คือ รักตัวเอง

              บาปกรรมที่ใหญ่ที่สุด         คือ ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่

            ความโง่เขลาที่สุด                 คือ ติดยาเสพติด

           ความชั่วช้าต่ำต้อยที่สุด     คือ เหยียดหยามผู้อื่น

             ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด   คือ เล่นการพนัน

       ของขวัญที่ดีที่สุด                   คือ การให้อภัย

             ความสุขที่มากที่สุด             คือ การช่วยเหลือผู้อื่น

            ท้ายที่สุดของชีวิต                 คือ ความตาย จงสร้างกรรมดี   ด้วยการคิดดี     ทำดี   ประพฤติบัตรดี มีศีล สมาธิ   ปัญญา

 26

             มนุษย์มีเรื่องราวต่างๆ เพราะอารมณ์ ความโลภ ความหลง การยึดติด และความปรารถนาจับเราไว้ วงจรของการเกิด

     การแก่ การเจ็บ การตาย ทำให้ความคิดฝังอยู่ในใจเรา ฝังแน่นไม่ไปไหน จงสลัดภาพลวงตาทิ้งไป เมือเราออกจากภาพลวงตา

     ได้ ชีวิตเราจะเป็นอิสระและไม่ถูกคมขังด้วยการมี   ศีล   สมาธิ ปัญญา

                 การเคลือบแคลงนั้นมันคือโรคร้าย มันแบ่งแยกผู้คน มันคือพิษร้ายที่ทำลายมิตรภาพ มันคือหนามแหลมที่คอยทิ่มแทง

     และจงอย่าลืมว่า ตัวเราจะเป็นไปตามสิ่งที่เราคิดในใจเรา

                 สุขเพียงชั่วคราว จะปล้นทรัพย์สมบัติของเราไป   ทรัพย์สมบัติของเราคือ ความสงบและสมาธิ หากเราถูกล่วงล่อด้วย

     ความสุขแบบนั้นเพียงครั้งเดียว มันจะยึดติดแน่นอยู่ในใจเรา เราจะโหยหาทั้งความสุข และทุกข์วนเวียนอยู่ในใจเรา

     อย่างนั้นตลอดไป

           วิธีทำให้ร่างกายและจิตใจเข้มแข้ง คือการหยุดที่จะโหยหาอดีต และวิตกเรื่องของอนาคต จงอยู่กับปัจจุบัน กับคนที่อยู่ตรงหน้า

     อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติและความเข้าใจ แบบนั้นจิตใจเราจะเข้มแข้ง

                       มีกรรมดีในโลกนี้อยู่     3 ประการ

  1. กรรมดีทางจิตใจ
  2. กรรมดีทางวาจา
  3. กรรมดีทางการประพฤติกาย

                  สามข้อนี้คือมลตรา ที่จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าโลกมนุษย์ไปตลอดกาล

     ความไม่รู้สร้างความเจ็บปวด โศกเศร้าและมารยา ความโกรษ ความโลภ ความหลง ความอวดดี ความถือดี ความริษยาคือผลพ่วง

     ของความไม่รู้ มารยาแสดงแต่เรื่องไม่ดี คอยหลอกเรา แต่ชีวิตและความตายไม่ต่างกัน เป็นสิ่งเดียวกัน เราต้องล้างภาพมารยาออก

     เมือใดก็ตามที่ภาพมารยาหายไป พวกเราจะใช้ชีวิตอย่างเป็นปัจเจก โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด   ด้วย ศีล   สมาธิ ปัญญา

   หรือใช้หนทางแห่งความสุข ความเจริญ และอิสรภาพ ในการดับทุกข์ ที่เรียกว่า “มรรคแปด

                     ช่วยกำจัดภาพมารยาออกไปได้   ด้วยการ

                               1.รู้ชอบ มีปัญญา แสวงหาความรู้

                               2.คิดชอบ คิดในทางสร้างสรรค์ตามความรู้ที่ได้รับมา สร้างความเจริญให้ ตัวเอง สังคมและคนรอบข้าง

                               3.เจรจาชอบ ไพเราะ อ่อนหวาน ให้กำลังใจคนรอบข้าง

                               4.ปฏิบัติชอบ มีกริยา มารยาทดีงามอ่อนน้อมถอมตน

                               5.เลี้ยงชีพชอบ มีอาชีพทีสุจริต ดูแลครอบครั่วให้มีความสุขสบาย

                         6.มีความเพียนชอบ ขยันทำมาหากิน มีความอดทน มีวินัยในการดำรงตนให้มีสุขภาพที่แข้งแรง

                               7.มีสติชอบ อยู่กับปัจจุบันขณะสามัญสำนึก มีระลึกที่ถูกต้อง

                               8.มีสมาธิชอบ ตั้งมั่น มุ่งมั่นกับสิ่งกำลังกระทำอย่างถูกต้อง เพื่อจุดมุงหมายของชีวิต

     “ จงให้ความเมตตากับทุกคน ไม่ว่าจนหรือรวย ทุกคนล้วนมีความเจ็บปวด ทุกทรมานเพียงแต่จะมากหรือน้อยต่างกับ”

                               พระองค์ทรงกล่าวอย่างหนักแน่นว่า

             พวกเจ้าทั้งหลายจงอย่าได้เชื่อในสิ่งที่พระองค์ค้นพบ พวกเจ้าจงนำเส้นทางแห่งความสุขความเจริญนี้

     ไปปฏิบัติ ทดสอบด้วยความรู้ ความสามารถและปัญญาของตนเองก่อนว่าเป็นจริง ถูกต้อง ค่อยเชื่อ

         “ จงจำไว้ว่าโลกใบนี้.. ไม่ใช่ที่สำหรับความ เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน

                   มีแต่พวกเราที่ทำให้โลกใบนี้........... เต็มไปด้วยความ

                                 ความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด โศกเศร้า เสียงใจ ด้วยความไม่รู้ “

27
           คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทันสมัยตลอดการ ........เป็นบุญของข้าพเจ้าที่ได้บวชในศาสนาของพระองค์ท่าน

                 ทุกเส้นทางของการเดินทาง มีเริ่มต้นย่อมมีที่สิ้นสุดและแล้วการออกบวชเพื่อเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าของอาตมา มาถึง

     ทางสิ้นสุดในวันที่   17ตุลาคม   2565

                       ท้ายสุดนี้ข้าพ ขอขอบคุณญาติพี่น้องที่ช่วยเป็นธุระจัดหาวัดบวช จีวร บาตรและเครื่องใช้ที่จำเป็นในการบวช

     และชาวบ้าน       หนองเทาทุกท่าน ที่มีส่วนรวมในการไถ่บาป ของข้าพเจ้า มอบความรัก ความอบอุ่น ดุจดังญาติพี่น้อง

     ขอให้ทุกท่านจงพบพานแต่ความสุขความเจริญทุกท่าน เทอญ

                           ท้ายสุดนี้ท่านใดที่ได้เข้ามาอ่านบทความของข้าพเจ้า คิดว่ามีประโยชน์ต่อพุทธศาสนา เป็นแสงสว่างที่จะไปเติมเต็ม

   ในสังคมไทยได้บ้าง ก็แนะนำคนรู้จักมาอ่านหรือส่งต่อไป

                       ส่วนท่านใดที่เข้ามาอ่านแล้ว มีความคิดเห็น อยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์สนทนาธรรม

ด้วยความยินดี โทรมาที่   099-441-7994    

สุรศักดิ์   ต่ายทรัพย์

        

ภาพของความทรงจำที่ได้รับจากชาวบ้านหนองเทา

28
งานบุญข้าวประดับดิน วันแรม14 ค่ำเดือนเก้าของทุกปี

29
งานบูชาประเพณีไหลเรือไฟ

30

31
สวดมนต์เย็นเข้าพรรษา

32
งานบุญข้าวสากวันขึ้น15ค่ำเดือน10

33

งานอุทีศส่วนบุญส่วนกุศลให้หลวงตาวรญาติผู้ล่วงลับ

           “   จงฝากชีวิตไว้กับ สติและปัญญา   อย่าฝากชีวิตไว้กับโชคชะตาที่มองไม่เห็น”

                   ขอให้ดวงอาทิตย์.......ทำให้ทุกท่านมีพลังในตอนกลางวัน

                   ขอให้ดวงจันทร์.........ทำให้ทุกท่านฟื้นฟูร่างกานในตอนกลางคืน

                   ขอให้สายฝน.............ชะล้างความกังวลใจทุกท่าน..ที่มีอยู่ออกไปให้หมด

                   ขอให้สายลม.............ช่วยพัดพาความเข้มแข้งมาสู่ชีวิต..ทุกท่าน

                   และขอให้ทุกท่านที่ร่วมทำบุญไถ่บาปพร้อมกับข้าพเจ้า....จงย่างก้าวไปบนโลกใบนี้อย่างมีสติ.....

                           แล้วรับรู้ถึงความสวยงามของชีวิต........ในทุกๆๆวัน.......ด้วยเทอญ

     “ธรรมชาติของตัณหา(ความยาก)......   คือยิ่งเติมมากเท่าไหร่ .....ยิ่งไม่เต็มมากเท่านั้น”

             ขอขอบพระคุณ...วัดพุทธนิมิต...พระร่วมจำพรรษาที่วัด....ญาติพี่น้อง...ชาวบ้านหนองเทา

                             จงพบพานแต่ความสุขความเจริญทุกท่าน........ครับ

                                

 

free joomla templatesjoomla templates
2024  F-TECH PEACHY รับซ่อมเครื่องฉีดพลาสติก รับเขียนแบบเครื่องจักร   globbers joomla template